สอนเทรดคริปโต #3 การวิเคราะห์กราฟด้วยแพทเทิร์นของแท่งเทียน

สอนเทรดคริปโต #3 การวิเคราะห์กราฟด้วยแพทเทิร์นของแท่งเทียน

บทความแนะนำ :

ปัจจุบันเหรียญ xrp ซึ่งเป็น 1 ในสกุลเงินคริปโตที่ได้รับความนิยมจากเทรดเดอร์ทั่วโลกนั้น ได้มีราคาพุ่งสูงขึ้นทำ new high ใหม่ในรอบปี หลังจากที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ที่ไม่มีความรู้ด้านการอ่านกราฟและต้องการจะลงทุนในตลาดคริปโตนั้น มีหลักการในการอ่านกราฟง่ายๆอย่างไรบ้างนั้น ข้อมูลเบื้องต้นในการอ่านกราฟแท่งเทียน ทุกท่านสามารถค้นหาและอ่านได้จากบทความอ่านกราฟ bitcoin,หรือ eth ในส่วนของการอ่านกราฟ xrp เราจะเสนอมุมมองเพิ่มเติมขึ้นมาอีกขั้นตอน ซึ่งจะสามารถทำให้เทรดเดอร์ทุกท่านนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการเทรดของท่านได้

การทำ new high ของกราฟ xrp
รูปที่ 1 การทำ new high ของกราฟ xrp (investing.com)

ตัวอย่างการอ่านกราฟแท่งเทียนสำหรับ xrp

กราฟแท่งเทียนสิ่งสำคัญที่สุดคือ แพทเทิร์นราคาขาขึ้น หรือ ขาลง เมื่อราคามาถึงแนวต้านแล้วเกิดสัญญาณกลับตัวลงจากแท่งเทียน เทรดเดอร์ก็จะสามารถขาย จากแนวต้านได้อย่างถูกต้อง ซึ่งปัจจุบันหากเทรดเดอร์มือใหม่ยังไม่เชี่ยวชาญในการเทรด สามารถที่จะเข้าไปดูข้อมูลได้จากเว็บไซต์ investing.com ได้ซึ่งจะมีข้อมูลของเหรียญ xrp ให้ได้ศึกษาเช่นกัน

แพทเทิร์นสัญญาณขาขึ้น – ขาลง
รูปที่ 2 แพทเทิร์นสัญญาณขาขึ้น – ขาลง ของเว็บไซต์ investing.com

จากหน้าเว็บไซต์ของ investing.com คุณจะได้เห็นการเปิดเผยข้อมูลทางด้านการวิเคราะห์แพทเทิร์นกราฟแท่งไว้ ซึ่งทั้งนี้และทั้งนั้น เทรดเดอร์เองจะต้องมีความเข้าใจหลักการเบื้องต้นของแนวรับ – แนวต้าน เสียก่อน เพราะการเทรดตามคำแนะนำของผู้อื่น เปรียบเสมือนการปิดตาคลำหาทางเดินเอง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้และเข้าใจเบื้องต้นเสียก่อน

รูปแท่งกราฟแท่งเทียน ที่นิยมใช้
รูปที่ 3 รูปแท่งกราฟแท่งเทียน ที่นิยมใช้
ที่มา: quadency.com

จากรูปข้างบน กราฟแท่งเทียนในตลาดคริปโต โดยเฉพาะ xrp ค่อนข้างจะไม่ซับซ้อนเหมือนกราฟฟอเร็กซ์ เทรดง่ายกว่าหรือสามารถคาดคะเนได้ง่าย เนื่องจากตลาดฟอเร็กซ์มีความผันผวนกว่า กราฟเมื่อทะลุแนวรับ – แนวต้าน มักจะกลับทดสอบเสมอ แต่สำหรับตลาดคริปโตเมื่อราคาทะลุแนวรับ – แนวต้านแล้ว ส่วนมากมักจะไปต่อจนถึงแนวรับ – แนวต้านถัดไป

การเทรดตามแนวรับ – ต้านของ xrp
รูปที่ 4 การเทรดตามแนวรับ – ต้านของ xrp

จากรูปสามารถอธิบายได้เป็นอย่างดีถึงการนำแพทเทิร์นของแท่งเทียนที่แสดงการกลับตัวบริเวณแนวรับ – แนวต้าน

การเทรดแบบแนวรับ – แนวต้าน ไม่จำเป็นต้องดูเทรนใช่หรือไม่?

การเทรดแบบแนวรับ – แนวต้าน จะใช้ได้ดีในสภาพตลาดขยายออกข้าง (side way) เป็นอย่างมาก เพราะเทรดเดอร์สามารถทำกำไรได้หลายครั้ง หลายรอบ หรือสามารถเข้าออเดอร์เพิ่มเติมได้อีก

แต่เมื่อสภาพตลาดเป็นเทรน ไม่ว่าจะเป็นเทรนขาขึ้น หรือ ขาลง เทรดเดอร์ก็จะสามารถทำกำไรได้เช่นเดียวกัน แต่รอบการเข้าออเดอร์ อาจจะน้อยกว่า หรือต้องใช้ประสบการณ์เพิ่มเติม ที่จะเข้าออเดอร์อีกหลายๆออเดอร์ในเวลาที่กราฟย่อตัว เพื่อขึ้นไปต่อ หรือ ลงต่อนั่นเอง

ดังนั้นจึงอาจจะได้ว่า การเทรดแบบแนวรับ – แนวต้าน สามารถนำมาปรับใช้ได้ทั้งสภาวะตลาดเป็นเทรนขาขึ้น, ขาลง หรือแบบ side way ซึ่งตลาดส่วนใหญ่จะออกมาในรูป side way มากกว่าเป็นเทรน การรอรับเพื่อเทรดในแนวรับ – แนวต้านจึงเป็นที่สนใจของนักลงทุนหรือเทรดเดอร์ส่วนใหญ่

การตีเส้นแนวรับ – แนวต้านสามารถทำได้ทุกกรอบเวลา
รูปที่ 5 การตีเส้นแนวรับ – แนวต้านสามารถทำได้ทุกกรอบเวลา

การตีเส้นแนวรับ – แนวต้านที่ดีควรตีอย่างไร?

ควรจะเริ่มจากกรอบเวลาใหญ่ก่อน เช่น W1 หรือ D1 แล้วค่อยตีเส้นย่อยๆในกรอบเวลาที่เทรดเดอร์ต้องการจะเทรด กราฟแท่งเทียนจะเสถียรและน่าเชื่อถือมากขึ้น ในกรอบเวลาใหญ่ ดังนั้นจึงควรจะเทรดในกรอบเวลา H4 ขึ้นไป จึงจะไม่มีสัญญาณรบกวนจากตลาด ข้อดีของการมีแนวรับ – แนวต้านใหญ่ คือ ทำให้สามารถกำหนดกรอบการเทรดได้ดีกว่า และการตีเส้นในกรอบเวลาย่อยจะช่วยให้เทรดได้หลายๆรอบนั่นเอง

สุดท้ายแล้ว การเทรดด้วยกราฟแท่งเทียน หากเทรดเดอร์พยายามฝึกฝนดูแพทเทิร์นสำคัญๆจนจำได้ขึ้นใจ จะมั่นใจได้เลยว่าสามารถเทรดจนทำกำไรได้และอยู่รอดในตลาดได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องมีการบริหารเงินทุน และจัดการความเสี่ยงที่ดี มีการตัดขาดทุนเมื่อผิดทาง เพียงแค่นี้คุณก็สามารถจะลงทุนในตลาดคริปโตหรือแม้กระทั่งตลาดทั่วไปได้อย่างยั่งยืน

บทความแนะนำ :

หมายเหตุ : ผู้ลงทุนควรพิจารณาถึงลักษณะความเสี่ยง และสภาพตลาดของสินทรัพย์ดิจิทัลแต่ละชนิดอย่างรอบคอบก่อนการตัดสินใจลงทุน เพื่อที่จะให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนยอมรับได้