คำศัพท์ที่น่าสนใจ :
- Overbought (ภาวะ ซื้อมากเกินไป) คือ การที่ราคาพุ่งไปสูงมากๆ จนอาจจะไม่มีคนซื้อต่อ เพราะคนเริ่มรู้สึกว่าหากซื้อที่ราคานั้นจะขายของไม่ออกนั่นเอง
- Oversold (ภาวะ ขายมากเกินไป) คือ การที่ราคาลดลงมากๆ หรือมีแรงขายจำนวนมากจนราคาเริ่มถูก จนทำให้ผู้ที่ต้องการซื้ออยากซื้อ หากเปรียบเทียบง่ายๆ ก็เหมือนกับการที่เราแห่เข้าไปซื้อสินค้าอย่างของกิน ของใช้ ในช่วงที่มีโปรโมชั่นหรือการลดราคา มาตุนไว้ใช้ในภายภาคหน้า
RSI คืออะไร?
RSI (Relative Strength Index) เป็นเครื่องมือชี้วัดทางเทคนิคประเภท Momentum ใช้สำหรับวัดการแกว่งตัวของราคาว่ามีภาวะการซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือ การขายมากเกินไป (Oversold) โดยมีค่าตั้งแต่ 0-100
โดยค่ามาตรฐานที่ใช้กันทั่วไปนั้นจะอยู่ที่ 30 และ 70 โดยหาก RSI อยู่ในระดับที่ตํ่ากว่า 30 จะถือว่าราคาอยู่ในภาวะ “ขายมากเกินไป” (Oversold) และหากมากกว่า 70 จะถือว่าราคาอยู่ในภาวะ “ซื้อมากเกินไป” (Overbought)
RSI บอก Momentum อย่างไร?
- ถ้า RSI มากกว่า 50 และมีแนวโน้มมีค่าเพิ่มขึ้น แปลว่า ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นด้วยอัตราเร่ง Momentum เชิงบวกเพิ่มขึ้น
- ถ้า RSI มากกว่า 50 และมีแนวโน้มมีค่าลดลง แปลว่า ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นด้วยอัตราที่ช้าลง Momentum เชิงบวกลดลง
- ถ้า RSI เปลี่ยนจากค่าที่มากกว่า 50 เป็น ค่าที่น้อยกกว่า 50 แปลว่า ราคาหุ้นเปลี่ยนจากเพิ่มขึ้น เป็นลดลง Momentum เปลี่ยนทิศ
- ถ้า RSI น้อยกว่า 50 และมีแนวโน้มมีค่าลดลง แปลว่า ราคาหุ้นลดลงด้วยอัตราเร่ง Momentum เชิงลบเพิ่มขึ้น
- ถ้า RSI น้อยกว่า 50 และมีแนวโน้มมีค่าเพิ่มขึ้น แปลว่า ราคาหุ้นลดลงด้วยอัตราที่ช้าลง Momentum เชิงลบลดลง
- ถ้า RSI เปลี่ยนจากค่าที่น้อยกว่า 50 เป็นค่าที่มากกว่า 50 แปลว่า ราคาหุ้นเปลี่ยนจากลดลงเป็นเพิ่มขึ้น Momentum เปลี่ยนทิศ
RSI ใช้งานอย่างไร ?
วิธีใช้งานอย่างง่าย
“ น้อยกว่า 30 คือ Oversold ให้ [ซื้อ] ”
“ มากกว่า 70 คือ Overbought ให้ [ขาย] ”
* แต่ในตลาดจริงนั้น มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น การใช้ RSI เพียงอย่างเดียวอาจเกิดข้อผิดพลาดก็เป็นได้
RSI บอกสัญญาณอะไรได้บ้าง?
- Bullish divergence คือการที่การเคลื่อนที่ของราคาในกราฟขัดแย้ง กับ การเคลื่อนที่ของ RSI บ่งบอกถึงโอกาสในการกลับตัวของราคา “ขึ้น” โดยจะเกิดในแนวโน้มขาลง
จากภาพจะเห็นได้ว่ากราฟราคา Low2 ต่ำกว่า Low1 แต่ในทางกลับกันค่าของ RSI ในจุด Low2 กลับมีค่าสูงกว่า Low1 ทำให้เกิดสัญญาณ Divergence ทิศทางราคากับค่า RSI เคลื่อนที่สวนทางกัน ทำให้เกิดการกลับตัวของราคาเป็น “ขาขึ้น”
- Bearish Divergence คือการที่การเคลื่อนที่ของราคาในกราฟขัดแย้ง กับ การเคลื่อนที่ของ RSI บ่งบอกถึงโอกาสในการกลับตัวของราคา “ลง” โดยจะเกิดในแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งจะบอกสัญญาณตรงกันข้ามกับ Bullish Divergence นั้นเองค่ะ
จากรูปจะสังเกตได้ว่ากราฟราคามีการทำจุด High 2 ที่สูงกว่า High1 แต่ในทางกลับกัน ค่า RSI ในจุด High2 กลับทำจุดที่ต่ำกว่า High1 หมายความว่า การเคลื่อนของราคาสวนทางกับค่า RSI ส่งสัญญาณ Divergence ในทิศทางราคา “ลง”
** เราควรให้กราฟกับตัว RSI วิ่งไปในทางตรงกันข้ามอย่างแท้จริง ไม่ใช่วิ่งไปในทางเดียวกันเล็กน้อยแล้วมั่นใจว่าเกิด Bullish divergence หรือ Bearish convergence เพราะ บางทีตัว RSI อาจจะแค่พักตามแนวโน้มเฉยๆ ซึ่งต้องใช้ประสบการณ์ควบคู่ในการดูกราฟด้วยนะคะ
รูปแสดงการเข้าซื้อตามสัญญาณ RSI เมื่อ RSI มีค่าต่ำกว่า 30 ปกติเมื่อ RSI ต่ำกว่า 30 หมายถึง มีภาวะขายมากเกินไป เมื่อดูทิศทางแนวโน้มราคาไปด้วยแล้ว เมื่อ RSI ต่ำกว่า 30 ถือเป็นสัญญาณที่สามารถเข้าซื้อได้
ขอขอบคุณบทความ และรูปภาพประกอบ จาก : Bitkub Academy (facebook.com/Bitkubacademy)
หมายเหตุ : การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรพิจารณาถึงลักษณะความเสี่ยง และสภาพตลาดของสินทรัพย์ดิจิทัลแต่ละชนิดอย่างรอบคอบก่อนการตัดสินใจลงทุน เพื่อที่จะให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนยอมรับได้
