ความสัมพันธ์ของทองคำและบิทคอยน์

ความสัมพันธ์ของทองคำและบิทคอยน์

นานมาแล้วในสมัยก่อน ในยุคที่ผู้คนยังไม่รู้จักคำว่า “สกุลเงิน” ผู้คนส่วนใหญ่ได้ทำการดำรงชีวิตโดยการทำสิ่งที่ตนเองถนัดเพื่อเลี้ยงชีพ และทำการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการระหว่างกัน เพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่พอเวลาผ่านไป ก็พบว่าการแลกเปลี่ยนในลักษณะนี้เกิดปัญหาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเก็บรักษาสินค้า หรือความต่างของมูลค่าที่ไม่เท่าเทียม

ถ้าเราลองนึกตัวอย่างว่า เราอยู่ในยุคที่เราต้องตีราคาเสื้อผ้าของเราเป็นจำนวนปลาที่ตกมาได้ หรือเราจำเป็นที่จะต้องเลี้ยงวัว 10 ตัว เพื่อนำไปแลกบ้านหรือข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ เราจะต้องเก็บรักษาปลาของเรายังไงถึงจะนำไปแลกเปลี่ยนกับคนอื่นได้ หรือว่าเราจะต้องแบ่งส่วนวัวของเรายังไง หากเราต้องการแลกกับของที่มีมูลค่าน้อยกว่า มันคงจะลำบากไม่มากก็น้อย กว่าเราจะแลกเปลี่ยนของสิ่งใดสิ่งนึงกับคนอื่นได้

ผู้คนในสมัยนั้นก็เลยต่างหาวิธีแก้ปัญหาและเฟ้นหาสิ่งที่จะสามารถทำให้การแลกเปลี่ยนเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น จนกระทั่งผู้คนได้มาเจอกับแร่สีเหลืองทองชนิดนึงที่เรียกว่า ‘ทองคำ

ทองคำและบิทคอยน์ต่างกันอย่างไร



ทองคำนั้นเป็นที่ยอมรับในวงกว้างเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นที่ไหน เวลาไหน ทองคำก็เป็นสิ่งที่นิยมสำหรับการแลกเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นการนำไปทำเครื่องประดับ การเก็บรักษาผ่านกาลเวลาหลายร้อยปี ไม่ผุกร่อน ไม่ขึ้นสนิม แถมยังสามารถแบ่งส่วนย่อยเพื่อนำมาแลกเปลี่ยนได้ ‘สื่อกลางในการแลกเปลี่ยน’ จึงได้กำเนิดขึ้นมา

แต่ต่อมา เนื่องจากทรัพยากรมีอยู่อย่างจำกัดและเทคโนโลยีที่พัฒนามากขึ้น ทำให้เกิดยุคที่เรียกว่า ‘Gold Standard’ หรือเป็นยุคปัจจุบันที่เราได้ใช้ ‘พันธบัตรรัฐบาล’ โดยมีทองคำเป็นทรัพย์สินค้ำประกันอยู่เบื้องหลังนั่นเอง

ซึ่ง Bitcoin ก็ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาในช่วง Gold Standard นี้ โดยมีแนวคิดว่าจะเป็นระบบการเงินทางเลือกใหม่ ที่จะออกมาจากแนวคิดปัจจุบัน เป็นอิสระจากรัฐบาลและสถาบันการเงินที่คอยควบคุมอยู่ โดยคอนเซปต์หลักของ Bitcoin จะมีอยู่หลักๆ ดังนี้

  • ไร้ตัวกลาง
  • โปร่งใส
  • ไม่ระบุตัวตน
  • รวดเร็ว
  • เป็นสกุลเงินดิจิทิล
  • สามารถแบ่งหน่วยย่อยได้
  • ปริมาณจำกัด
  • มูลค่าขึ้นอยู่กับความต้องการ



ซึ่ง Bitcoin นั้นก็สามารถทำหน้าที่เป็น ‘สื่อกลางในการแลกเปลี่ยน’ ได้เหมือนกับทองคำเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการเก็บรักษา มีปริมาณที่จำกัด สามารถแบ่งส่วนย่อยได้ และมีมูลค่าตามความต้องการของตลาดเหมือนกัน หลายๆ คนจึงเปรียบเทียบว่า Bitcoin เป็นทองคำยุคใหม่ หรือเป็น ‘Digital Gold’ ที่สามารถเก็บไว้ในรูปแบบภาษาของคอมพิวเตอร์นั่นเอง

แต่อย่างไรก็ตาม Bitcoin ก็ยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองผ่านกาลเวลาหลายพันปีเหมือนอย่างทองคำ และยังถือว่ามีอุปสรรคอีกหลายอย่างที่ต้องฝ่าไปให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นมูลค่าที่ผันผวน ความแพร่หลายในการใช้ รวมถึงการยอมรับจากผู้คนส่วนใหญ่ แม้ว่า Bitcoin ยังมีความเสี่ยงสูง และความไม่แน่นอน แต่ก็ถือได้ว่า Bitcoin เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในระบบการเงินปัจจุบันอย่างแน่นอน

หมายเหตุ : การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล ก่อนการลงทุน

บทความจาก Facebook Page : Satang Corp

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *